6 อาการคนท้อง ในระยะเริ่มต้น ที่ผู้หญิงควรรู้

สำหรับอาการคนท้องในระยะเริ่มแรกนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายอาการ หลายคนอาจมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน จมูกไวต่อกลิ่น หรืออาจมีอาการคัดเต้านม ซึ่งอาการเหล่านี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในช่วงที่มีการตั้งครรภ์พอสมควร

อาการคนท้องในระยะแรกที่สามารถพบได้มีดังนี้

ประจำเดือนขาด

ผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาอย่างปกติสม่ำเสมอ หากมีอาการขาดประจำเดือน เป็นสิ่งที่บ่งบอกในเบื้องต้นได้ว่าอาจกำลังกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่การขาดประจำเดือนก็อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด ฮอร์โมนมีความผิดปกติ ผลข้างเคียงจากการใช้ยา มดลูกมีความผิดปกติ เป็นต้น ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจก็ให้เข้ารับการตรวจครรภ์กับแพทย์ หรือใช้เครื่องมือตรวจครรภ์

คัดเต้านม

สำหรับการตั้งครรภ์ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจพบว่าเต้านมหรือบริเวณหน้าอกมีการเปลี่ยนแปลง หน้าอกอาจมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือดูหนาขึ้น และหากหน้าอกมีความคล้ำก็อาจมีอาการเจ็บร่วมด้วย อาการจะค่อยๆรุนแรงขึ้นจนรู้สึกไม่สบายตัว แต่หากตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน อาการคัดเต้านมก็จะลดน้อยลง

เลือดออกที่ช่องคลอด

หลังจากปฏิสนธิ 6-12 วัน ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์อาจมีเลือดไหลออกมาบริเวณช่องคลอด มีสีคล้ายกับประจำเดือนแต่จะสีจางกว่า และจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ซึ่งอาการนี้เกิดจากตัวอ่อนได้ฝังตัวที่ผนังมดลูก ส่งผลให้มีเลือดไหลซึมออกมา และหากพบว่ามีอาการปวดท้องร่วมกับมีเลือดไหลซึมออกมา ให้รีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณว่าอาจมีการแท้งบุตรหรือมีภาวะท้องนอกมดลูกได้

คลื่นไส้ อาเจียน

อาการนี้มักเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน หลังจากมีการตั้งครรภ์ อาการคลื่นไส้ และอาเจียน เป็นอาการแพ้ท้องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ในบางรายอาจไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเลย บางรายอาจเกิดขึ้น 2-3 เดือนหลังจากมีการตั้งครรภ์ บางรายอาจมีอาการแพ้ท้องในช่วงการตั้งครรภ์ของไตรมาสสุดท้ายก็ได้

จมูกไวต่อกลิ่น

อาการจมูกไวต่อกลิ่น ได้กลิ่นเหม็นจนอยากจะอาเจียน เป็นอาการแพ้ท้องที่ผู้หญิงตั้งครรภ์หลายคนต้องพบเจอ แม้จะเป็นอาหารที่ชอบ กลิ่นที่ชื่นชอบ แต่พอตั้งครรภ์อาจกลายเป็นได้กลิ่นที่ไม่เหมือนเดิมก็ได้ อาการที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิงตั้งครรภ์มีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้จมูกมีความไวต่อกลิ่นมากเป็นพิเศษ

ปัสสาวะบ่อยขึ้น

การตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรกอาจมีอาการปัสสาวะบ่อย เมื่อเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของการตั้งครรภ์ มดลูกก็จะขยายใหญ่ขึ้น ทำให้มดลูกไปเบียดที่กระเพาะปัสสาวะได้ โดยในช่วงของการตั้งครรภ์ก็จะมีของเหลวในร่างกายเพิ่มมากขึ้น และการที่ฮอร์โมนเพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ก็มีส่วนไปกระตุ้นการทำงานของกระเพาะปัสสาวะได้ ดังนั้นจึงทำให้มีอาการปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น

หากมีอาการที่ได้กล่าวไปข้างต้นก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าอาจมีการตั้งครรภ์ ทั้งนี้หากยังไม่แน่ใจว่าตนเองนั้นตั้งครรภ์หรือไม่ ก็สามารถที่จะเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ให้แน่ใจได้